ในเดือนพฤศจิกายน 2024 นี้ สินทรัพย์ดิจิทัลมูลค่ารวมกว่า 2.68 พันล้านดอลลาร์จะปลดล็อกออกสู่ตลาด เนื่องจากโครงการที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนหลายโครงการถึงช่วงสิ้นสุดการถือครองโทเค็นในช่วงระยะเวลาการให้สิทธิ ซึ่งจะเพิ่มปริมาณโทเค็นที่พร้อมซื้อขายในตลาด ส่งผลให้มีโอกาสเกิดความผันผวนในราคาของโทเค็นแต่ละชนิด

ในรายงานการวิจัยของ JPMorgan (JPM) ระบุว่า รายได้และกำไรขั้นต้นจากการขุด Bitcoin (BTC) รายวันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนตุลาคม รายได้เฉลี่ยจากการขุด Bitcoin อยู่ที่ประมาณ 41,800 ดอลลาร์ต่อ exahash ต่อวินาที (EH/s) ซึ่งลดลง 1% จากเดือนกันยายน

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) ได้มีมติเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันที่เดิมมีกำหนดในเดือนธันวาคมออกไปอีกหนึ่งเดือน เหตุผลหลักมาจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะจากจีนซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัส

ดัชนีความผันผวนของ Bitcoin (DVOL) จาก Deribit ซึ่งใช้วัดความผันผวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 30 วัน ได้เพิ่มขึ้นแตะระดับ 63.24% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของนักลงทุนที่กังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง

สถานการณ์ที่นักลงทุนทุ่มเงินลงทุนในกองทุน ETF บิตคอยน์นั้น สะท้อนถึงความคาดหวังที่ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งและส่งผลบวกต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยยอดเงินไหลเข้าสุทธิของกองทุนบิตคอยน์สปอต เช่น iShares Bitcoin Trust ETF ของแบล็กร็อก ในวันเดียวสูงถึง 872 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ