เอฟเฟกต์กนง.ลดดอกเบี้ย หุ้นแบงก์ร่วงสวนทางอสังหาฯ

ส่องเอฟเฟกต์ กนง. ปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังสัญญาณบ่งชี้เศรฐกิจไทยชะลอตัว ขณะที่ตลาดหุ้นกลุ่มแบงก์โดนเทขาย สวนทางกลุ่มอสังหาฯ และไฟแนนซ์ที่ต้นทุนลด ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่ม

ตลาดเงิน ตลาดทุน

ส่องเอฟเฟกต์ กนง.ปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี หลังหลายสัญญาณบ่งชี้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ด้านกระทรวงการคลังปลื้มสอดนโยบายกระตุ้น ขณะที่ตลาดหุ้นกลุ่มแบงก์โดนเทขาย สวนทางกลุ่มอสังหาฯ และไฟแนนซ์ที่ต้นทุนลด ส่วนต่างดอกเบี้ยเพิ่ม แต่เตือนอย่ามองข้ามหุ้นธนาคาร เพราะยังซื้อขายบนค่า P/E ที่ถูก อนาคตมีโอกาสขยับขึ้น

ต้องยอมรับ การประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปีและให้มีผลทันที เมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมาของ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) สร้างเอฟเฟกต์ให้กับ หลายสิ่งในระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะตลาดเงินตลาดทุน เพราะถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ในรอบ 4 ปี 3 เดือน นับตั้งแต่เดือน เม.ย.2558

"ทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส" ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ กนง. รายงานว่า ที่ประชุมกนง.มีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี หลังจากที่ประชุมได้มีการปรับลดประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และประเมินอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ต่ำลงกว่าการประมาณการ ครั้งก่อนที่ 3.3% และ 1.0% ตามลำดับ พร้อมกับคาดว่าตัวเลขการขยายตัวของการส่งออกในปีนี้จะติดลบ จากที่เคยประมาณการไว้ที่ 0% เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯและจีนเพิ่มสูงขึ้น และขยายวงกว้างมากขึ้น และตัวเลขการนำเข้าที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ ก็มีผลต่อการส่งออกในอนาคตด้วย

ไม่เพียงเท่านี้ ที่ประชุมกนง.ยังมองว่า ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐ มีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่า ที่ประเมินไว้ตามการลงทุนภาครัฐ ที่มีข้อจำกัดจาก พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ที่คาดว่าจะล่าช้า ประเด็นที่สำคัญ คือ เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปีมีแนวโน้มต่ำกว่า ขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ จากราคาพลังงานที่ปรับลดลงเร็ว รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มชะลอลงตามแรงกดดัน ในฝั่งกำลังซื้อที่ลดลง ทำให้เชื่อว่าการปรับลดดอกเบี้ยครั้งนี้ทำให้เงินเฟ้อทั่วไปเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ กนง. ก็จะติดตามความเสี่ยงเรื่องการกีดกันทางการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มีเพิ่มขึ้น

ภาพรวมสิ่งที่เกิดขึ้นต่อมติครั้งนี้ของกนง.ครั้งนี้ เนื่องจากเป็น การชั่งน้ำหนักระหว่างภาวะเศรษฐกิจ ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดและต่ำกว่าระดับศักยภาพ กับความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงิน แม้มองว่า ธปท.มีมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินแล้วในระดับหนึ่ง แต่ต้องติดตามการก่อหนี้ของภาคครัวเรือน ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นการขยายสินทรัพย์และความเชื่อมโยงภายในของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมถึงการก่อหนี้ของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่อาจประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น และนั่นทำให้ในระยะต่อไปหากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงและดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง มาตรการกำกับดูแลสถาบันการเงินและมาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงิน อาจจะถูกนำมาใช้มากขึ้น

คลังปลื้มลดดอกเบี้ยส่งผลดี ศก.

"ลวรณ แสงสนิท" ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1.50% ของกนง.ครั้งนี้ นับว่าเอื้อต่อบรรยากาศการลงทุน ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น ถือเป็นจิตวิทยาอีกด้านหนึ่งช่วยชะลอเงินทุนไหลเข้า ลดแรงกดดันต่อเงินบาทแข็งค่า โดยกระทรวงการคลังเตรียมประกาศตัวเลขเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ หลังจากไตรมาสแรก จีดีพีขยายตัว 2.8%

ส่วนการอ่อนค่าของเงินหยวน กระทรวงการคลังยืนยันว่าจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะเงินหยวนอ่อนค่าลง ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น อาจกระทบต่อการท่องเที่ยว เพราะจีนเป็นต่างชาติกลุ่มใหญ่เดินทางมาเที่ยวไทย ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว เพื่อส่งเสริมคนไทยเที่ยวไทยและต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย ขณะนี้ได้หารือกับหลาย หน่วยงานเตรียมพร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใกล้สรุป หลักเกณฑ์ทั้งหมดแล้วเพื่อดูแลทั้งภาคเกษตร ผู้ประกอบการรายย่อย เอสเอ็มอี คนมีรายได้ระดับกลาง โดยมีเงินทุนอัดฉีดประมาณ 1.7 แสนล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งคาดจะเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิจารณาได้วันที่ 19 ส.ค.นี้

หุ้นแบงก์โดนขาย สวนทางไฟแนนซ์&อสังหาฯ

"ภากร ปีตธวัชชัย" กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) แสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวว่า กนง. มีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้นโยบายด้านการเงิน เข้ามา เป็นเครื่องมือในการดูแลเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่า คณะกรรมการได้ประเมินปัจจัยต่างประเทศที่ ส่งผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยแล้ว โดยแนะนำนักลงทุน ให้ติดตามและศึกษาการลงทุนเป็น รายบริษัท รายอุตสาหกรรม และพิจารณาการลงทุนตามความสามารถในการทำกำไรของแต่ละบริษัท เพราะบริษัทจดทะเบียนไทยถือว่าแข็งแกร่งจากที่มีการประกอบกิจการในและต่างประเทศ รวมถึง เศรษฐกิจไทยไม่อ่อนแอ เพราะมีฐานะทางการเงิน และการคลังที่แข็งแกร่ง

ขณะเดียวกันในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ มีปัจจัยเสี่ยงที่จะต้องติดตามเรื่องสงครามการค้าที่จะพัฒนาเป็นสงครามค่าเงินหรือไม่ หลังจากที่จีนลดค่าเงินหยวนให้อ่อนค่าลงเพื่อเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ที่จะเก็บภาษี สินค้านำเข้าจากจีนอีก 10% มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์และทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งมีผลต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย นักลงทุนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ไม่เพียงเท่านี้ หลังจากมีมติประชุมกนง.ออกมานั้น ได้เกิดแรงซื้อเข้ามาในตลาดหุ้นจนดัชนีหลักทรัพย์สามารถขยับขึ้นไปแตะระดับ 1,680 ทันทีแม้หลังจากนั้นจะปรับตัวลดลงก็ตาม โดยสิ่งที่สังเกตได้ชัดเจนคือ แรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ตามความกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลต่อกำไรที่อาจจะน้อยกว่าประมาณการ ขณะที่กลุ่ม ไอซีที การเงิน กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ปรับขึ้น

เนื่องจากมติดังกล่าวของ กนง.ถือเป็น Positive Surprise ของตลาดหุ้นไทยเพราะจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ กับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกว้างขึ้น ส่งผลให้มีแนวโน้มว่าเม็ดเงินลงทุนจะไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้นโดยหุ้นกลุ่มที่เชื่อว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลดลงจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนทั่วไป ประกอบกับราคาหุ้นในกลุ่มหลายตัวปรับตัวลดลงอยู่ในระดับที่น่าทยอยสะสม อีกทั้งถือเป็นการช่วยผู้ประกอบการปรับลดต้นทุนภาคธุรกิจ และภาระดอกเบี้ยของผู้กู้ลดลง จึงเป็นปัจจัยหนุนต่อผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ขณะที่กลุ่มไฟแนนซ์ที่ปล่อยกู้รายย่อย จะได้รับประโยชน์จากเรื่องดังกล่าวด้วย เนื่องจากส่วนต่างดอกเบี้ยจะสูงขึ้น พร้อมกันนี้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้หน่วยลงทุน Property Fund REIT รวมไปถึงหุ้น ที่เป็น High Dividend มีความน่าสนใจมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง ซึ่งกลุ่มหุ้นได้ประโยชน์จะเป็น กลุ่มส่งออก ทั้งเกษตรและอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตามหุ้นกลุ่มธนาคาร ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ซื้อขายในระดับราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) ที่ถูกมากแล้ว จึงมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต.

แบงก์ใหญ่อ่วมดอกเบี้ยลด กดดันรายได้ปรับตัวลง

ภาพรวมกลุ่มแบงก์ได้รับผลกระทบ หลังกนง. ลดดอกเบี้ย เหตุกระทบรายได้ โดยเฉพาะแบงก์ใหญ่ที่มีโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากคงที่สูง ขณะที่แบงก์กลาง-เล็กได้ปัจจัยบวก แต่ภาพรวมไม่กระทบความสามารถจ่ายปันผล อีกทั้งที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มนี้ยังราคาถูก ทำให้ยังน่าสนใจ

มีการคาดการณ์ว่าหลังจาก คณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.) ปรับอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ เนื่องจากทุกธนาคาร จะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง นั่นหมายถึงเรื่อง ดังกล่าวมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยรับและ ส่วนต่างดอกเบี้ยรับสุทธิ (ดอกเบี้ยรับ-ดอกเบี้ยจ่าย) หรือ NIM มากขึ้น เนื่องจากมีสัดส่วนโครงสร้างอัตราดอกเบี้ย เงินฝากเป็นอัตราคงที่สูง

ขณะที่กลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดกลาง-ขนาดเล็ก มีโครงสร้างสินเชื่อที่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่สูง และโครงสร้างดอกเบี้ยเงินฝากเพียงบางส่วนที่เป็นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว จึงเป็นบวกต่อ NIM แต่เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบศักยภาพ การจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ เพราะยังคงมีรายได้จากด้านอื่นเข้ามาทดแทน

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวทำให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ถูกปรับลดลงมาให้ "น้อยกว่าตลาด" เนื่องจากประเมินว่าโดยภาวะเศรษฐกิจ และปัจจัยแวดล้อมยังไม่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจในระยะสั้น ส่วนระยะกลาง-ยาว ยังสามารถเข้าสะสมหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการฟื้นตัวได้เร็ว อาทิ BBL และ SCB

นอกจากนี้ ปัจจุบันราคาหุ้นกลุ่มธนาคารยังถูกมาก เทียบกับดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้นแต่ราคาหุ้น กลุ่มธนาคารเคลื่อนไหวอยู่ในระดับเดียวกับเมื่อช่วงต้นปีที่ ผ่านมา ทำให้นักลงทุนสามารถทยอยสะสมได้อย่างต่อเนื่อง เพราะช่วงไตรมาส 3-4 จะเข้าสู่ฤดูสินเชื่อ อีกทั้งรัฐบาลใหม่น่าจะผลักดันการลงทุนโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนให้สินเชื่อกลุ่มในปี 2563 ให้ โตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึง จะทำให้การจ่ายเงินปันผลมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น

โดย บล.ฟินันเซียไซรัส ให้ความเห็นว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. จะกระทบต่อ NIM และกำไรของกลุ่มธนาคารไม่มากนัก เนื่องจากคาดว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จะไม่มีการปรับลด (เนื่องจากก่อนหน้าไม่ได้มีการปรับขึ้น อยู่แล้ว) ขณะที่แรงกดดันต่อต้นทุนทางการเงินน่าจะ ผ่อนคลายลง ในเชิงทฤษฎี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขาเดียว คาดว่าจะกระทบ NIM ราว 0.10% และกำไรสุทธิของกลุ่มราว 6% แต่ประเด็นสำคัญคือ Statement ของธปท. ที่ระบุถึงปัจจัยแวดล้อมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวกว่าที่คาด ดังนั้นอาจเห็นการชะลอตัวของสินเชื่อเช่นกัน

ทำให้ปรับลดคำแนะนำเป็น Neutral จากเดิม Overweight ในช่วงสั้น โดยนักลงทุนน่าจะพิจารณาลงทุนในธนาคารขนาดเล็กก่อนเพราะจะได้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง แนะนำ TISCO (ราคาเหมาะสม 105 บาท) และ TCAP (ราคาเหมาะสม 60 บาท) ส่วนกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ขาดปัจจัยเป็นบวกจากภาพเศรษฐกิจ ทำให้ขาด Catalyst มีเพียงมูลค่าหุ้นที่ลงมาซื้อขายในระดับราคาที่ไม่แพงและมีความน่าสนใจเชิงมูลค่า ซึ่งภาพรวมแนะนำ KBANK (ราคาเหมาะสมที่ 212 บาท) และ SCB (ราคาเหมาะสมปี 2019 ที่ 152 บาท).

กลุ่มอสังหาฯต้นทุนลด แถมลูกค้ากาลังซื้อเพิ่ม

หุ้นอสังหาฯรับอานิสงส์ดอกเบี้ยนโยบายลด เพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภคซื้อที่อยู่อาศัยหลังต้นทุนถูกลง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการ ภาพรวม ครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวหลังที่ผ่านมาเกณฑ์ LTV แบงก์ชาติทำพิษ ส่วนอนาคตเติบโตตามการเปิดตัวโครงการใหม่ และแผนการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวนมาก

การลดดอกเบี้ยของกนง.คาดว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มอสังหาฯ เพราะจะช่วยกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุน การกู้เงินซื้อบ้านของประชาชนจะปรับตัวลดลง ขณะที่ในส่วนของต้นทุนทำโครงการของผู้ประกอบการอสังหาฯจะปรับตัวลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้คาดว่าผลประกอบการของกลุ่มอสังหาฯน่าจะค่อยๆ ปรับตัว ดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้

นั่นทำให้โดยรวม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ของ กนง. ถือเป็น Positive Surprise ของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ กับผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยกว้างขึ้น ส่งผลให้มีแนวโน้มว่าเม็ดเงินลงทุนจะไหล เข้ามาในตลาดหุ้นไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์หลายตัวปรับตัวลดลงอยู่ในระดับที่น่าทยอยสะสม เช่น LH ราคาเหมาะสมที่ 13.60 บาท คาดอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 7%, QH ราคาเหมาะสมที่ 4.10 บาท คาดอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 7%, และ ORI ราคาเหมาะสมที่ 20.50 บาท

ส่วนแนวโน้ม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ช่วงต่อจากนี้ บล. ฟินันเซียไซรัส ประเมินว่า ภาพรวมอสังหาฯมีทิศทางชะลอตัว สะท้อนยอด Presales ในไตรมาส 2/62 คาดทำได้เพียงทรงตัวจากไตรมาสก่อนหน้า และหดตัว 25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สวนทางกับการเปิดโครงการใหม่ที่เร่งขึ้น 105% เนื่องจากผล กระทบของการเริ่มใช้เกณฑ์ LTV ใหม่ตั้งแต่ 1 เม.ย.นั้น โดยเฉพาะคอนโดฯ อีกทั้ง ที่ผ่านมามีวันหยุดจำนวนมาก รวมถึงผลของเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กระทบต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค

จากข้อมูลดังกล่าวทำให้คาดว่า ยอด Presales ในครึ่งปีแรกของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะอ่อนตัว 17% คิดเป็น 39% ของเป้าทั้งปีที่ 2.8 แสนล้านบาท แต่ประเมินว่า AP, ORI และ PSH มียอด Presales ครึ่งแรก แกร่งที่สุดในกลุ่ม คิดเป็น 53%, 46% และ 43% ตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 39% ของเป้าทั้งปี เพราะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมที่ได้รับการ ตอบรับดี ทำยอดขายได้ 70-100% จากผลิตภัณฑ์ที่เน้นความต้องการอยู่จริง ในราคาเข้าถึงได้ บนทำเลที่มีศักยภาพ

แต่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ทำยอดขายครึ่งปีแรกได้เพียง 20-40% ทำให้มีความเสี่ยงต่อการปรับลดเป้าหมายยอดขาย และแผนการเปิดโครงการใหม่ของปีนี้ หลังประกาศงบไตรมาส 2/62 ออกมา เพราะบริษัทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่นั่นทำให้ประเมินว่า LH จะทำกำไรปกติไตรมาส 2/62 แกร่งที่สุด แม้คาดลดลง 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เติบโตได้ 4% จากไตรมาสก่อนหน้า เทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่หดตัว ส่วน AP คาดกำไรไตรมาส 2/62 จะอ่อนแอที่สุด หดตัว 56%

พร้อมกันนี้ มองว่าภาพรวมผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/62 และจะดีขึ้นในครึ่งหลังของปีนี้ จากปรับตัวของทั้งลูกค้าและผู้ประกอบการต่อเกณฑ์ LTV ใหม่ รวมถึงกำลังซื้อและความเชื่อมั่นที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกจากนี้ มีปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดโครงการใหม่ที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว คิดเป็น 63% ของแผนทั้งปี

โดยสิ่งที่จะได้เห็นจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ต่อจากนี้คือ การเติบโตตามการเปิดตัวโครงการใหม่ และแผนการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่จำนวนมาก บน Backlog ปัจจุบันที่รองรับประมาณการยอดโอนทั้งปีแล้วเฉลี่ย 60% นั่นหมายถึงโมเมนตัมกำไรของหุ้นในกลุ่มนี้จะฟื้นตัวในไตรมาส 3/62 และทำระดับสูงสุดของปีในไตรมาสสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามคือ การแข่งขันที่รุนแรง ทำให้ผู้ประกอบการต้องออกแคมเปญการตลาดในรูปแบบลดแลก แจกแถม และข้อเสนอพิเศษทางการเงินร่วมกับสถาบันการเงิน เพื่อกระตุ้นยอดขาย อาจกดดันค่าใช้จ่ายให้สูงขึ้น รวมถึงยอดปฏิเสธ สินเชื่อที่ทรงตัวสูง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงล่าง

"คงน้ำหนักการลงทุน "เท่ากับตลาด" สำหรับกลุ่มอสังหาฯ และแนะนำเลือกลงทุนหุ้นปลอดภัยอย่าง LH จากทั้งแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดีกว่ากลุ่ม และความน่าสนใจในฐานะหุ้นปันผลเด่น คาดให้ผลตอบแทนเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกที่ 2.7% ส่วนทั้งปี คาด 6.8% รวมถึงโครงสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมี Upside Risk จากแผนการขายโรงแรม Grande Centre Point Sukhumvit 55 เข้า REIT ในไตรมาสสุดท้ายปีนี้"

ทั้งนี้ แม้จุดเด่นของหุ้นกลุ่มนี้คือ ราคาหุ้นซื้อขายบน P/E 2562-2563 ต่ำเพียง 7.8 เท่า และจ่ายปันผลสูง 6-7% ต่อปี แต่ราคาหุ้น ปรับขึ้นเฉลี่ย +16% ทำให้หุ้นหลายตัวมี Upside จำกัด นอกจากนี้ ระยะสั้น อาจถูกกดดันจากกำไรไตรมาส 2/62 ที่อ่อนแอ รวมถึงมี ความเสี่ยงในการปรับลดเป้าหมายยอดขาย และแผนการเปิดโครงการใหม่ ส่งผลให้ตลาดมีโอกาสปรับประมาณการปีนี้ลง เชิงกลยุทธ์จึงแนะนำรอเข้าลงทุนหลังประกาศงบแล้วเสร็จ.

Source: ผู้จัดการ 360 องศา

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี!!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b  
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #uag #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex3d #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"