‘ชิปหาย’ วิกฤตชิป ‘ขาดแคลน’ ที่สั่นคลอนอุตสาหกรรมรถยนต์และเทคโนโลยีโลก ทางออกอยู่ที่ไหน

ชิปหาย…’ ในที่นี้ไม่ใช่คำอุทาน แต่คือสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นจริงกับภาพรวมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ในสเกลระดับโลกที่กลายเป็นวิกฤตใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ
สร้างผลกระทบสะเทือนตั้งแต่สายพานการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่าง ตู้เย็น ไมโครเวฟ

ลุกลามไปจนถึงสินค้ากลุ่มไอที สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต แล็ปท็อป นาฬิกาอัจฉริยะ หรือแม้กระทั่งสินค้าในกลุ่ม ‘รถยนต์’
ในการแถลงผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2021 ค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเบอร์หนึ่งของโลกอย่าง Samsung แม้จะมีกำไรสุทธิเติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วมากถึง 46.3% ขึ้นมาอยู่ที่ 7.14 ล้านล้านวอน หรือประมาณ 2.01 แสนล้านบาท แต่พวกเขาก็ ‘อดไม่ได้’ ที่จะแสดงความกังวลต่อสถานการณ์เซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลนในขณะนี้
โดย Samsung ระบุในแถลงการณ์แบบอ้อมๆ ถึงสถานการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นกับผลิตภัณฑ์กลุ่มสมาร์ทโฟนของบริษัทในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2021 ไว้ว่า การขาดแคลน ‘ชิ้นส่วนบางอย่าง’ ที่จำเป็นต่อการผลิต จะส่งผลอย่างมีนัยสำคัญกับรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ (นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า การเลื่อนจำหน่ายไลน์ผลิตภัณฑ์เรือธง Galaxy Note ในปีนี้ออกไปก็เกี่ยวข้องกับสาเหตุนี้)
ขณะที่ Apple ออกมายอมรับเช่นกันว่าผลิตภัณฑ์อย่าง iPad และ Mac จะเป็นสองกลุ่มสินค้าที่ได้รับแรงเขย่าจากชิปขาดแคลนมากเป็นพิเศษ โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ของปีงบการเงินบริษัท (ตรงกับ Q2 ของปีปฏิทินปกติ) อาจจะสูญหายไปมากกว่า 3,000-4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเลย
Sony ก็เป็นอีกหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบ เพราะแม้เครื่องเกมคอนโซลเจเนอเรชันที่ 5 ของบริษัท PlayStation 5 ซึ่งเปิดตัวออกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วจะได้รับการตอบรับแบบถล่มทลาย เป็นที่ต้องการของตลาดมากแค่ไหน แต่เนื่องจากปัญหาชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน (รวมถึงส่วนประกอบอื่นๆ) Sony จึงไม่สามารถผลิตเครื่องเกมดังกล่าวออกมาสอดรับความต้องการของตลาดได้เท่าที่ควร และทำให้ปัญหาเครื่องเกม PS5 ขาดตลาดอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2022 เป็นอย่างน้อย
ชิป ขาดแคลน
ฟาก Ford และ GM ก็ประสบปัญหาในแง่การผลิตรถยนต์ไม่ต่างกัน เนื่องจากชิปถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในองค์ประกอบของตัวรถยนต์ เทียบเท่ากับ ‘สมองกลสั่งการ’ ที่วันนี้รถยนต์จำเป็นต้องพึ่งพาองค์ประกอบระบบอัจฉริยะต่างๆ ภายในระบบตัวรถเป็นจำนวนมาก และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับลดปริมาณการผลิตรถยนต์ของตัวเองลงให้สอดคล้องกับปริมาณชิปที่ร่อยหรอ
โดยในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา AlixPartners บริษัทรับให้คำปรึกษาข้อมูลธุรกิจเชื่อว่า ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์โลกจะผลิตรถยนต์ในปีนี้ลดน้อยลง 1.5-5 ล้านคันเมื่อเทียบกับแผนเก่าที่เคยวางเอาไว้ และอาจจะมีแนวโน้มที่ค่ายรถยนต์จะเลือก ‘ปรับเพิ่มราคาจำหน่าย’ ตัวรถ รวมถึงการพิจารณามาตรการบางอย่างที่อาจจะกระทบต่อแรงงานในอเมริกันหลายแสนชีวิต
ถึงขนาดที่ยักษ์ใหญ่ในวงการเครื่องใช้ไฟฟ้า เทคโนโลยี และรถยนต์ ออกมาเรียงแถวต่อคิวกันยอมรับว่าพวกเขาจะได้รับผลกระทบหนักแบบนี้ นั่นแสดงว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นย่อมมีระดับความรุนแรงที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
อะไรคือต้นตอสาเหตุวิกฤตชิปขาดแคลนจากตลาด ณ เวลานี้ ทำไมมันถึงดูเป็นปัญหาที่ร้ายแรงขนาดนั้น แล้วสมการทางออกปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่?
โควิด-19 ยอดขาย ‘รถยนต์’ ตกวูบ สู่เทรนด์ WFH ความคึกคักสินค้ากลุ่มไอที และสมาร์ทโฟน 5G
ความจริงแล้ว ถ้าว่ากันตามตรง ปัญหาการขาดแคลนของชิปเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดนั้นเกิดขึ้นมาจากหลายๆ ปัจจัยที่ส่งผลกระทบโยงใยเชื่อมต่อถึงกันไปหมด
แต่หากจะให้ย้อนกลับไปหาแก่นแท้ของรากปัญหาที่แท้จริงแล้วละก็ เราอาจจะพูดได้ว่า ‘โควิด-19’ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งในตัวการที่ทำให้วิกฤตชิปขาดแคลนสร้างความเสียหายไปในวงกว้างอย่างรวดเร็ว และยากต่อการยับยั้ง
The Washington Post ระบุว่า ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา (ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน) ผลกระทบจากการที่โรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งต้องปิดตัวลงชั่วคราว ทั้งจากปัจจัยด้านพายุฤดูหนาวในช่วงต้นปีที่สหรัฐฯ (โรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในออสติน รัฐเท็กซัส ต้องปิดตัวลงชั่วคราวด้วยเหตุผลนี้) มาตรการให้อยู่กับบ้านเพื่อระงับการแพร่เชื้อของโควิด-19 และยอดขายรถที่ตกลงเนื่องจากคนเดินทางไปไหนมาไหนน้อยลง กำลังซื้อถดถอย ส่งผลให้ค่ายรถยนต์หลายแห่งต้องเผชิญกับยอดขายรถยนต์ที่ตกลงเกือบครึ่ง ณ ช่วงเวลาดังกล่าว
เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ทางเลือกของค่ายรถยนต์ในตอนนั้นส่วนใหญ่จึงเลือกทางออกเดียวกันคือการปรับลดปริมาณการผลิตรถยนต์ลง หนึ่งในนั้นคือการลดจำนวนการซื้อชิปเซมิคอนดักเตอร์
สถานการณ์ยังคงดำเนินไปเช่นนี้พร้อมๆ กับช่วงเวลาการ Work from Home ที่พนักงาน บุคลากรบริษัทหลายแห่งทั่วโลกต้องทำงานจากที่บ้านตามมาตรการคำสั่งของภาครัฐในแต่ละประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และทำให้ความนิยมของสินค้ากลุ่มไอที จอดิสเพลย์ แล็ปท็อป ไปจนถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ความบันเทิงพุ่งสูงปรี๊ด
ผลที่ตามมาจึงทำให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่อใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เหล่านั้น ปรับเพิ่มคำสั่งซื้อชิปเซมิคอนดักเตอร์จากบริษัทผู้ผลิตสูงขึ้นสอดรับกับดีมานด์ที่เกิดขึ้น
เมื่อเป็นแบบนี้ ภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์จึงต้องดำเนินการ ‘Reallocate’ ตัวเอง จากเดิมที่ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ ย้ายมาผลิตชิปให้กับภาคผู้ผลิตสินค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ แทน ซึ่งเพิ่มมาร์จินกำไรสุทธิในการผลิตให้กับเขาได้ดีกว่าการผลิตชิปให้กับผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยกว่า
ดูเหมือนสถานการณ์จะลงตัวกันพอดิบพอดี เมื่อตลาดรถยนต์ซบเซาก็หันไปป้อนชิ้นส่วนให้กับตลาดสินค้าในอุตสาหกรรมอื่นๆ แทน จนทำให้สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์หรือ SIA ออกมาเปิดเผยว่า ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 13.2% โดยมีมูลค่ายอดขายรวมทั้งโลกที่ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.24 ล้านล้านบาท
แต่แล้วสถานการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นและหักมุมอีกตลบ เมื่อภาครถยนต์กลับ ‘ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คิด’
และเมื่อค่ายรถยนต์ตั้งใจจะออร์เดอร์การผลิตชิปประมวลผลอีกครั้ง พวกเขาก็พบปัญหาที่ว่า ซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ให้กับพวกเขา ‘ไม่ว่าง’ ที่จะมีผลิตชิ้นส่วนสมองกลให้กับพวกเขาแล้ว เนื่องจากง่วนอยู่กับการผลิตชิปให้กับบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าแทน ครั้นจะโยกกลับมาผลิตชิปให้กับค่ายรถยนต์ก็พบว่า ‘ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายเลย’ เนื่องจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงไลน์การผลิตนั้นใช้ระยะเวลา และขั้นตอนที่นาน ยุ่งยากมากพอสมควร
หรือถ้าจะให้สร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์อีกแห่งขึ้นมา ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเสกขึ้นมาได้ในช่วงข้ามคืน เพราะต้องใช้ทั้งงบประมาณที่มหาศาล (คงไม่มีใครกล้าทุ่มทุนขนาดนั้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว) บวกระยะเวลาที่ยาวนานหลายปี แถมกระบวนการการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ก็มีขั้นตอนที่ยาก ซับซ้อน และวุ่นวายมากกว่าที่ใครหลายคนคิดอยู่ไม่น้อย
ภาพที่เกิดขึ้นในตอนนี้จึงกลายเป็นการแย่ง ‘ไลน์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์’ กันระหว่างภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ และกลุ่มผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์
อีกหนึ่งสาเหตุคือการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ออกคำสั่งมาตรการคว่ำบาตรบริษัทเทคโนโลยีจากจีน ไม่ว่าจะ Huawei หรือ ZTE ซึ่งก่อให้เกิดปรากฏการณ์ โดมิโนเอฟเฟกต์ตามมา เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวครอบคลุมถึงการจำกัดการขายชิปประมวลผลให้กับบริษัทเหล่านั้นด้วย
พอถูกบีบให้ซื้อชิปได้ยากขึ้น ทั้ง Huawei และ ZTE หรือบริษัทจีนหลายเจ้าก็เริ่มดำเนินการกักตุนสินค้าชิปเซมิคอนดักเตอร์มากขึ้น ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบตามมาต่อทั้งอุตสาหกรรมชนิดที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ด้าน เจฟฟ์ ฟีลด์แฮค (Jeff Fieldhack) นักวิเคราะห์จากบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดชื่อดังอย่าง Counterpoint มองว่า อีกสาเหตุหนึ่งมาจากกรณีที่สมาร์ทโฟน 5G เริ่มเป็นที่ต้องการของทั้งตลาดมากขึ้น และกลายเป็น ‘มาตรฐานผลิตภัณฑ์’ ที่วงการสมาร์ทโฟนควรจะมี นั่นจึงทำให้การแข่งขันในด้านการผลิตชิปที่จำเป็นสำหรับการเชื่อมต่อ 5G ดุเดือดเพิ่มขึ้นไปด้วย โดยคาดว่าค่ายมือถือที่ไม่ได้มีขนาดตัวใหญ่มากอย่าง Alcatel, OnePlus และ Motorola จะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ
(หมายเหตุ: ฟีลด์แฮคอธิบายเพิ่มผ่าน The Washington Post ว่า สมาร์ทโฟน 5G จำเป็นจะต้องใช้ชิปบริหารจัดการทรัพยากรในเครื่องมากกว่าสมาร์ทโฟน 4G ถึง 2-4 เท่าตัว เนื่องจากความซับซ้อนของเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบไร้สาย รวมถึงการที่สมาร์ทโฟนมีกล้องหลายตัว ทำให้สมาร์ทโฟนเหล่านั้นต้องพึ่งพาชิปสำหรับหน้าจอด้วยเช่นกัน)
ทั้งนี้ ทรรศนะของฟิลด์แฮค เป็นการแสดงความเห็นในช่วงเดือนมีนาคม แต่จากเดือนเมษายนที่ผ่านมา การที่ Samsung และ Apple ออกมายอมรับผ่านแถลงการณ์ปิดไตรมาสแรกของปีว่าพวกเขาอาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาชิปหายในช่วงไตรมาส 2 นี้ด้วย ก็น่าจะสะท้อนให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าค่ายเล็กหรือค่ายใหญ่ก็ไม่อาจะรอดพ้นไปจากชะตากรรมนี้ได้
โดยสรุป เราจึงสามารถแยกต้นตอของปัญหานี้ได้ออกเป็น 3 ประเด็นใหญ่ๆ ได้แก่
1. การระบาดของโควิด-19 ที่นำไปสู่การแย่งซัพพลายชิปเซมิคอนดักเตอร์ ระหว่างอุตสาหกรรมรถยนต์ และผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
2. การกักตุนชิปเซมิคอนดักเตอร์จากบริษัทจีนที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตร สงครามการค้า
3. ดีมานด์ที่สูงขึ้นจากค่ายผู้ผลิตสมาร์ทโฟน โดยเฉพาะการมาของสมาร์ทโฟน 5G
กระทบกับเราอย่างไร ปัญหาชิปหายจะลากยาวแค่ไหน?
ในแง่หนึ่ง ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดจากวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คือการที่สินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ไอทีบางอย่างเริ่มขาดแคลนจากตลาด และเป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การขึ้นราคาขาย หรือการทำให้วงการรีเซลกลายเป็นทางออกของปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กับภาคผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบเช่นกัน
ตัวอย่างที่ชัดๆ เลยคือ กรณีของ PS5 ที่ไม่สามารถผลิตออกมาได้ตามความต้องการในตลาด ทำให้ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังราคาขายต่อ วงการผู้พัฒนาเกมจากค่ายต่างๆ เรื่อยไปจนถึงการทำการตลาด
ส่วนกลุ่มที่ดูจะได้รับปัจจัยบวก หรือประโยชน์จากวิกฤตที่เกิดขึ้นนี้ หลักๆ แล้วก็น่าจะเป็นผู้ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ หรือบรรดานักลงทุนที่ถือหุ้นในบริษัทเหล่านั้น
นักวิเคราะห์หลายรายเชื่อว่า ปัญหาชิปเซมิคอนดักเตอร์ในตลาดขาดแคลนนี้น่าจะกินระยะเวลา และสร้างผลกระทบในวงกว้างต่อไปเป็นเวลาเกือบทั้งปี กว่าที่ภาคผู้ผลิตจะกลับมาผลิตชิ้นส่วนชิปป้อนให้กับบริษัทต่างๆ ได้ตามเป้าหมายและความต้องการเช่นเดิม และอาจจะต้องการระยะเวลามากกว่านั้นอย่างน้อยอีก 6 เดือนเพิ่มเติม เพื่อให้สามารถสต๊อกชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ได้ในระดับเกณฑ์ปกติของบริษัท
ด้าน เกลนน์ โอดอนเนลล์ (Glenn O’Donnell) ผู้อำนวยการงานวิจัยจาก Forrester วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นไปไกลกว่านั้น โดยมองว่า หากในกรณีที่อุตสาหกรรมการเกษตร ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจปศุสัตว์มีความจำเป็นต้องใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องจักรที่ต้องพึ่งพาชิป แต่กลับไม่สามารถหาสินค้าเหล่านั้นได้ เช่น เครื่องรีดนมวัวขาดตลาด ผลิตไม่ได้ทัน ผลที่ตามมาคือ สินค้าเกษตร เช่น นมวัวก็อาจจะมีราคาจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย และอาจจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นได้ และสะเทือนในหลายๆ อุตสาหกรรม
โดยที่โอดอนเนลล์ประเมินไว้ว่า สถานการณ์ความตึงเครียดในซัพพลายเชนการผลิตชิปจะยืดเยื้อต่อไปอีกอย่างน้อยเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี นับจากนี้ (ครอบคลุมระยะเวลาการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปฯ ด้วย)
ฝั่ง อลัน พริสต์ลีย์ (Alan Priestley) รองประธานฝ่ายวิจัยจาก Gartner เชื่อว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจจะต้องเตรียมใจรอสินค้าที่ตัวเองต้องการนานกว่าเดิม หรือไม่ก็ต้องอาจจะตัดใจมองสินค้าที่มีสเปกต่างออกไป ในกรณีที่สินค้าเดิมที่ต้องการขาดตลาด ผลิตออกมาไม่ทัน
ทางออกของปัญหาอยู่ที่ตรงไหน?
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ตัดสินใจอนุมัติงบเงินทุนรวมกว่า 37,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 1.15 ล้านล้านบาท เพื่อเป็นงบประมาณสำหรับแก้ปัญหาชิปขาดแคลนโดยตรง เพื่อเร่งกระบวนการผลิตในประเทศให้ทันกับความต้องการของตลาด และอุตสาหกรรมรถยนต์ ตลอดจนอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า
โดยที่ปัจจุบันได้มีกำหนดการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีก 4 แห่ง ในจำนวนนี้ 2 แห่งเป็นของ Intel อีก 2 แห่งเป็นของ TSMC ยักษ์ใหญ่ในแวดวงเซมิคอนดักเตอร์จากไต้หวัน (ตั้งในแอริโซนา) และ Samsung ในรัฐเท็กซัส
ส่วนประเทศจีนเองก็มีความพยายามที่จะลดการพึ่งพาซัพพลายเชนชิปจากสหรัฐฯ และประเทศในกลุ่มฝั่งตะวันตกมากขึ้น ด้วยการเสนอเงินสนับสนุนให้กับอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิปในประเทศ
ล่าสุด สดๆ ร้อนๆ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ​ กลุ่มผู้ประกอบการบิ๊กเทคฯ นำโดย Apple, Microsoft, Alphabet (Google), Amazon และ Cisco ต่างก็ออกมาร่วมกันส่งจดหมายกดดันให้ผู้ออกกฎหมายในสหรัฐฯ พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการสนับสนุนเงินทุนเพิ่มเติมอีก 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 1.56 ล้านล้านบาท เพื่อดำเนินการผ่านกฎหมายมุ่งเป้าไปที่การส่งเสริมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ โดยที่เงินทุนเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้เพิ่มเป็นค่าตอบแทนเพิ่มเติมสำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และการวิจัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ
เพราะฉะนั้น ทางออกของการแก้ปัญหาชิปขาดแคลนในตอนนี้ คือการที่สหรัฐฯ กำลังพยายามอย่างหนักในการอัดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ให้ทันกับปริมาณความต้องการและดีมานด์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่ผลกระทบจะลุกลามไปมากกว่านี้
ส่วนชิปหายจะวายวอดไปนานแค่ไหน คงไม่มีใครตอบได้ เพราะตอนนี้หลายฝ่ายต่างก็ระดมสรรพกำลังกันสุดฤทธิ์แล้ว
ที่เหลือคงต้องรอให้ ‘เวลา’ เติมคำตอบในช่องว่างด้วยตัวของมันเอง
โดย ปณชัย อารีเพิ่มพร
Source: The Standard Wealth

คลิก

Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
----------------------------------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 

Line ID:@fxhanuman

Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/

เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex

#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"