สำนักข่าว The Straits Times รายงานเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 ว่า สงครามของรัสเซียในยูเครน ก่อให้เกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมและตลาดการเงินโลกที่ปั่นป่วน ขณะนี้กำลังจะทำลายเศรษฐกิจมูลค่า 8.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 4,000 ไมล์ในมหาสมุทรอินเดีย
ผลกระทบจากต้นทุนการนำเข้าน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นและรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง ศรีลังกากำลังพยายามหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระท่ามกลางการถือครองอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ลดน้อยลง และด้วยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 15% ซึ่งเลวร้ายที่สุดในเอเชีย ความขัดแย้งยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงและไฟดับเป็นเวลานานถึง 7 ชั่วโมง ได้กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน ในขณะที่การรอที่ปั๊มน้ำมันนั้นใช้เวลานานขึ้น ซึ่งราคาพุ่งขึ้นเกือบ 50% ในเดือนนี้
รัฐบาลกำลังดิ้นรนเพื่อควบคุมวิกฤติ และได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ลดค่าสกุลเงินท้องถิ่น และจำกัดการนำเข้าที่ไม่จำเป็น แต่ด้วยทุนสำรองระหว่างประเทศที่ขาดแคลน 2 พันล้านดอลลาร์ และการชำระหนี้ 7 พันล้านดอลลาร์ที่ครบกำหนดในปีนี้ การต่อสู้จึงกลับกลายเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก ในที่สุดรัฐบาลในสัปดาห์นี้จะขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ โดยตั้งเป้าหมายลดการขาดดุลการค้าไว้ประมาณ 14% ในปีนี้ และประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของศรีลังกา
ขณะที่ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครนมาในช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับศรีลังกา ซึ่งยังคงฟื้นตัวจากความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ที่ยาวนาน 30 ปีที่สิ้นสุดในปี 2552 โดยได้พยายามฟื้นฟูการเติบโตตั้งแต่นั้นมาใช้จ่ายหลายล้านในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว จนกว่าโรคระบาดจะทำลายแผนของมัน วิกฤตการณ์นี้ยังแสดงให้เห็นว่าสงครามของรัสเซียทำให้ประเทศกำลังพัฒนาที่เปราะบางมีความเสี่ยง และพยายามขัดขวางความพยายามหลายทศวรรษในการขจัดความยากจนให้ผู้คนนับล้าน
ในเอเชียใต้ ประเทศที่เปราะบางอื่นๆ ได้แก่ บังกลาเทศ มัลดีฟส์ เนปาล และปากีสถาน Ankur Shukla นักเศรษฐศาสตร์จาก Bloomberg กล่าว แม้ว่าการเชื่อมโยงทางการค้าและการเงินโดยตรงกับรัสเซียและยูเครนจะมีจำกัด แต่ "เงินเฟ้อและการผลิตที่กระทบกระเทือนมีมหาศาล"
ด้วยจำนวนประชากรประมาณ 22 ล้านคน ศรีลังกาจึงเป็นผู้นำเข้าสุทธิของสินค้าตั้งแต่ยาไปจนถึงเชื้อเพลิง ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมมีสัดส่วนประมาณ 20% ของการขนส่งขาเข้า และต้นทุนเพิ่มขึ้น 88% จากปีก่อนหน้า การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในปีนี้เป็นการเพิ่มภาระ อีกทั้งประเทศยังได้จ่ายหนี้ภายนอกที่สะสมไว้เพื่อช่วยสร้างเศรษฐกิจที่มีรอยแผลเป็นจากสงครามกลางเมืองนองเลือด นั่นทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศหมดไป
ทั้งนี้หนี้ต่างประเทศของรัฐบาลกลางอยู่ที่ 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว การมองในแง่ดีว่าในไม่ช้ารัฐบาลจะจัดการบรรลุข้อตกลงกับ IMF ได้กระตุ้นให้เกิดการชุมนุมในพันธบัตรดอลลาร์ของประเทศ ส่วนพันธบัตรนอกชายฝั่งที่ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2030 เพิ่มขึ้นเป็น 49 เซนต์ต่อดอลลาร์ จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 38.9 เซนต์ในวันที่ 9 มีนาคม ในขณะที่ความน่าจะเป็นในการผิดนัดชำระหนี้หนึ่งปีได้ลดลงเหลือ 18.2% จากที่มากถึง 31.3% ในปลายเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
Citigroup กล่าวในบันทึกของเดือนกุมภาพันธ์ว่า พันธบัตรระหว่างประเทศของประเทศจำเป็นต้องปรับโครงสร้างภายในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากศรีลังกาไม่มีทรัพยากรที่จำเป็นในการจ่าย 1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนนั้น
นอกเหนือจากการเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมและการลดค่ารูปีแล้ว Ajith Nivard Cabraal ผู้ว่าการธนาคารกลางศรีลังกา ยังเรียกร้องให้มีการจำกัดการนำเข้าที่ไม่จำเป็นประมาณ 300 รายการ ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าไปยังแอปเปิล รวมถึงราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น
“ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะมีปฏิกิริยาในเชิงบวก และนั่นจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สงบนิ่งในช่วงเวลาแห่งความท้าทายระดับโลกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” นายคาบราลกล่าว
Source: การเงินธนาคารออนไลน์
Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you
