ภูมิทัศน์ใหม่ภาคการเงิน ความท้าทายเศรษฐกิจไทย 2023

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานสัมมนาของวารสารการเงินธนาคาร “Thailand Next Move 2023 : The Nation Recharge” หัวข้อ Financial Landscape - Thailand’s Economic Challenge in 2023

ว่า ในปี 2566 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจไทยจะเจอกับความท้าทาย โดยความท้าทายหลักมาจากเศรษฐกิจโลก มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีสัญญาณชัดเจนว่าจะชะลอตัว ซึ่งมาจากการที่ธนาคารหลักของโลกขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายพร้อมกัน และเป็นการขึ้นที่ค่อนข้างเร็วและแรง ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นอกจากเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแล้ว ยังมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลกที่มีความหลากหลาย นอกจากเรื่องวิกฤติโควิดแล้วยังมี Shock ต่างๆ ที่มากระทบอีก เช่น สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทำให้ราคาพลังงาน ราคาอาหาร และเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น รวมไปถึงการที่ธนาคารกลางหลายประเทศโดยเฉพาะสหรัฐฯ ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นเร็ว ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่า ส่งผลกระทบให้เกิดความเสี่ยงในหลายที่ด้วยกัน
ขณะที่ยังมีความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจจีนที่มีนโยบายการล็อกดาวน์เพื่อคุมโควิด อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่าจะมีการเปิดประเทศ แต่ยังไม่มีความชัดเจน รวมถึงความเสี่ยงเรื่องภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน
“เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่มาจากหลายมิติ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องโควิด ทำให้ผลกระทบมีความหลากหลาย บางคนอาจรู้สึกว่ากระทบจากการส่งออกที่ชะลอลงจากเศรษฐกิจประเทศหลักชะลอ บางคนอาจรู้สึกว่าผลกระทบมาจากราคาอาหารและพลังงานที่สูงขึ้น หรือบางคนอาจรู้สึกว่าผลกระทบมาจากการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า สะท้อนว่ารอบนี้ความเสี่ยงและผลกระทบมาหลายมิติ และปีหน้าความไม่แน่นอนและความเสี่ยงเหล่านี้ก็ยังอยู่”
ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวต่อว่า นอกจากความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจโลกแล้ว ยังมีความเสี่ยงเรื่องตลาดการเงินโลกที่มีความผันผวน โดยสาเหตุหลักมาจากการขึ้นดอกเบี้ยที่ค่อนข้างเร็วและแรงในหลายประเทศหลัก ซึ่งการที่ดอกเบี้ยขึ้นเร็ว ประเทศที่มีหนี้ที่สูงก็จะเจอปัญหา ตัวอย่างที่เริ่มเห็นคือตลาดที่คนเคยมองว่าปลอดภัย เช่น ตลาดอังกฤษ ก็เริ่มมีปัญหา
“ปกติเวลาเกิดความเสี่ยงเรามักเห็นว่าจะเกิดในประเทศที่เสี่ยงหรือสินทรัพย์ที่เสี่ยง แต่ครั้งนี้มันเกิดขึ้นในที่ที่มีความปลอดภัยมาก เช่น อังกฤษ หรือพันธบัตรของรัฐบาลอังกฤษ แม้กระทั่งตลาดที่ปลอดภัยที่สุดในโลกอย่างตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ช่วงหลังสภาพคล่องในตลาดก็มีการลดลง เป็นความเสี่ยงที่จะเห็นมากขึ้นในอนาคต นี่เป็นภาพของเศรษฐกิจและการเงินโลก”
สำหรับประเทศไทยมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่องแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง เนื่องจากแม้ว่าการส่งออกจะกระทบจากการที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยธปท. คาดว่าส่งออกปี 2566 จะโตเพียง 1% อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะถูกเอื้อด้วยการฟื้นตัวของการบริโภคภายในประเทศเป็นหลักซึ่งมาจากรายได้ที่มีการฟื้นตัว นอกจากนี้การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวยังจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดย ธปท. คาดว่า ในปี 2565 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 10 ล้านคน และปี 2566 ที่ 20 ล้านคน
“แรงงานไทยและเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวค่อยข้างมาก ดังนั้น การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวก็จะเอื้อให้เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยคาดว่า ปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 3% และปี 2566 ประมาณ 3.7% แม้ว่าจะมีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ แต่มีโอกาสค่อนข้างมากที่เศรษฐกิจไทยจะโตได้มากกว่า 3%”
ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวว่า ในส่วนของความเสี่ยงด้านตลาดการเงินโลก จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน อย่างไรก็ตาม จะกระทบจนกระทั่งทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยสะดุดหรือไม่นั้น มองว่าความเข้มแข็งด้านต่างประเทศของไทยค่อนข้างดี แม้ว่าในปี 2565 ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยจะขาดดุล แต่ในปี 2566 คาดว่าจะกลับมาเกินดุลได้จากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะมาช่วยเสริมในมิติของภาคต่างประเทศของไทย และจะเป็นภูมิคุ้มกันที่ช่วยให้ไทยผ่านพ้นปัญหาจากสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินโลกที่มีความผันผวนไปได้
ต้องปรับนโยบายให้สมดุล
รับบริบทโลกกำลังเปลี่ยน
ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นปัจจัยระยะสั้น ส่วนปัจจัยระยะยาวก็มีไม่น้อยเช่นเดียวกัน โดยบริบทของโลกจะมีการเปลี่ยนแปลง เช่น ประเด็นเรื่องความยั่งยืน เรื่องดิจิทัล ที่กำลังเป็นกระแสของโลก ซึ่งเศรษฐกิจไทยเองก็ต้องปรับเปลี่ยนไปสู่เรื่องเหล่านั้นด้วย
โดยบริบทของโลกที่เปลี่ยนไปเป็นโจทย์ของ ธปท. ที่จะทำให้ภูมิทัศน์การเงินของไทยรองรับกระแสเหล่านั้นได้ ซึ่งในการทำนโยบายของ ธปท. ไม่ว่าจะเป็นการดูแลในระยะสั้น หรือการวางรากฐานให้กับอนาคตในระยะยาว แนวทางที่ ธปท. ต้องทำคือ การรักษาสมดุลในเรื่องต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อที่จะตอบโจทย์ในการทำให้ภาคการเงินรองรับความท้าทายต่างๆ ได้
ในระยะสั้น โจทย์แรกของ ธปท. คือทำให้นโยบายการเงินเข้าสู่สภาวะปกติ โดยเป้าหมายหลักคือ ทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยสิ่งที่จะมาทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยไม่ต่อเนื่องคือการที่เงินเฟ้อขยับเพิ่มสูงขึ้น และไม่กลับสู่ระดับที่เหมาะสม รวมไปถึงระบบการเงินหยุดชะงัก จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่สามารถไปต่อได้
“เป้าหมายสำคัญของเราในการเผชิญความท้าทายของเศรษฐกิจคือจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งบทบาทของ ธปท.คือ การปรับนโยบายด้านการเงินให้เข้าสู่สภาวะปกติจากช่วงวิกฤติที่ต้องใช้ยาแรง ตอนนี้เศรษฐกิจเปลี่ยนก็ต้องปรับนโยบายให้เหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจใหม่”
โดยฝั่งของนโยบายการเงินสิ่งที่ ธปท.ทำคือ การปรับดอกเบี้ยในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป และเหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งเป็นการปรับนโยบายที่อาจจะแตกต่างจากต่างประเทศ แต่เหมาะสมกับเศรษฐกิจไทย เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของไทยไม่ได้เหมือนกับต่างประเทศ
“เงินเฟ้อของต่างประเทศมาจากการที่เศรษฐกิจของเขาร้อนแรงมาก แต่บ้านเราไม่เห็นภาพนี้ หลักๆ มาจากราคาพลังงานและอาหาร เครื่องยนต์เงินเฟ้อไม่ได้ติดจึงไม่จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรง ดังนั้น เมื่อบริบทของเศรษฐกิจไทยไม่ได้เหมือนต่างประเทศ นโยบายของเราก็ไม่จำเป็นต้องเหมือนต่างประเทศ เป็นที่มาของการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป”
ในฝั่งของภาคการเงินต้องพยายามลดมาตรการในลักษณะปูพรม แต่ทำมาตรการเฉพาะจุดให้มากขึ้นให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจที่กลับมาใกล้เคียงปกติ ซึ่งผลที่ได้จากการปรับมาตรการ คือ
1. หน้าที่หลักของธนาคารกลางคือ การรักษาเสถียรภาพด้านราคา โดยผลที่ได้จากการดำเนินมาตรการแบบเฉพาะจุดมากขึ้นคือเงินเฟ้อที่เคยแตะจุดสูงสุดที่กว่า 7% ได้ค่อยๆ ทยอยลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5.5% โดย ธปท.คาดว่าจะเห็นเงินเฟ้อกับเข้ากรอบ 1-3% ในครึ่งหลังของปี 2566
2. ด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่หลักของธนาคารกลาง พบว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ และ
3. เสถียรภาพระบบการเงิน ปัจจุบันยังทำงานได้ดี สินเชื่อยังขยายตัวได้ ธนาคารพาณิชย์ยังมีความเข้มแข็ง
“การดำเนินนโยบายการเงินของ ธปท. ต้องหาจุดสมดุลระหว่างเงินเฟ้อและเสถียรภาพระบบการเงิน ดังนั้น การทำอะไรที่ตอบโจทย์ด้านเดียวมักจะทำไม่ได้ ตอนแรกเงินเฟ้อสูงหลายคนก็บอกว่าให้ขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่านี้ แต่ถ้าเราทำแบบนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าไม่ขึ้นดอกเบี้ยเลยแม้จะไม่กระทบภาระหนี้ครัวเรือน แต่ความเชื่อมั่นของคนต่อการคุมเงินเฟ้อก็จะลดลง แล้วเงินเฟ้อก็จะไม่กลับลงสู่กรอบ จึงเป็นที่มาของการดำเนินนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไปและหาจุดสมดุล”
ในระยะยาว สิ่งที่ ธปท.ต้องดูแลคือ ต้องดำเนินนโยบายให้ถูกหลักการ เนื่องจากหากทำผิดหลักการจะเป็นการซ้ำเติมปัญหาและมีโอกาสจะไปสร้างผลกระทบในระยะยาวได้ โดยในเรื่องหนี้ครัวเรือน สิ่งที่ไม่เหมาะสมในการแก้ปัญหา หลักการแรกคือ การทำมาตรการแบบปูพรมเนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว รายได้ของหลายภาคส่วนเริ่มกลับมา ดังนั้น มาตรการแบบปูพรมจึงอาจสร้างผลข้างเคียงและสร้างแรงจูงใจที่ผิดตามมา
หลักการที่สองคือ ไม่ควรทำมาตรการที่สร้างภาระเพิ่มให้กับลูกหนี้ เช่น การพักหนี้ เนื่องจากการพักหนี้ไมได้ทำให้ภาระหนี้หายไป และหลักการที่สามคือ ต้องไม่ทำมาตรการที่กระทบโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อของลูกหนี้ในอนาคต เช่น มาตรการที่กระทบกับข้อมูลต่างๆ เช่น ลบประวัติเครดิตบูโร
ดังนั้น ในปัจจุบันสิ่งที่ ธปท.กำลังผลักดันคือ พยายามแก้ปัญหาหนี้ให้ครบวงจรมากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาหนี้เดิม และในระยะข้างหน้าจะให้ความสำคัญตั้งแต่ก่อนก่อหนี้ เช่น การให้ความรู้ทางการเงิน นอกจากนี้ ธปท.ยังให้ความสำคัญกับการปล่อยหนี้ คือ การให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ ไม่สร้างภาระหนี้มากเกินไปให้กับลูกหนี้
“ทั้งหมดนี้อาจไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้เร็ว ต้องใช้เวลา การแก้ปัญหาหนี้จะดูเรื่องหนี้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำควบคู่กับเรื่องรายได้ด้วย เพราะถ้ารายได้ไม่มาการแก้หนี้ก็จะไม่จบ”
ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวต่อว่า การที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่องหนีไม่พ้นเรื่องความยั่งยืน เนื่องจากเป็นกระแสที่มาเร็วและแรง ไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องสภาพภูมิอากาศที่จะเข้ามากระทบแต่รวมถึงนโยบายด้านความยั่งยืนของประเทศต่างๆ ด้วย
โดยโจทย์ของ ธปท. คือ จะทำอย่างไรให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนมีต้นทุนที่น้อยที่สุด เป็นการเปลี่ยนผ่านที่ไม่ส่งผลกระทบในวงกว้างและร้ายแรง เพื่อให้เศรษฐกิจโดยรวมเติบโตได้แม้มีการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน ต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเนื่องจากจะเป็นการซ้ำเติมเรื่องความเหลื่อมล้ำ
ดังนั้น หน้าที่ของ ธปท. คือ สนับสนุนให้ภาคการเงินมีการปรับตัวเพื่อที่จะเอื้อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปในรูปแบบที่ ธปท. อยากเห็น ซึ่งสิ่งที่จะช่วยคือ ภาคการเงินต้องออกผลิตภัณฑ์และบริการที่เอื้อให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้น นอกจากนี้ ต้องนำประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมมาผนวกกับการทำงานของสถาบันการเงิน
“ในการสนับสนุนภาคการเงินสิ่งที่ ธปท.ได้เข้าไปช่วย เช่น ทำให้นิยามชัดเจนมากขึ้น มีข้อมูลที่จะนำมาใช้ได้ มีวิธีที่ทำให้สถาบันการเงินนำไปปฏิบัติได้จริง โดยทำงานร่วมกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อทำคู่มือให้สถาบันการเงินนำมาใช้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น”
วางรากฐานด้านดิจิทัล
เน้น Responsible Innovation
ดร.เศรษพุฒิกล่าวว่า กระแสสุดท้ายที่กำลังเป็นประเด็นในประเทศไทย คือ การวางรากฐานเรื่องดิจิทัล โดยเป้าหมายของ ธปท. ในเรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจน ด้วยการใช้นวัตกรรมทางการเงินมาสร้างประโยชน์และโอกาสให้กับเศรษฐกิจโดยไม่ให้เกิดผลกระทบด้านเสถียรภาพ โดยปัจจุบันเรื่องของดิจิทัล ประเทศไทยไม่ได้ล้าหลังไปกว่าประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Mobile Banking, Cross Border QR Payment รวมถึงเรื่อง Central Bank Digital Currency (CBDC)
“ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำโดยเฉพาะภาคการเงินมานาน การเงินดิจิทัลจะเป็นโอกาสที่จะทำให้ประชาชนหรือธุรกิจใหม่ๆ เข้าถึงภาคการเงินได้มากขึ้น ธปท. จึงเน้นเรื่อง Responsible Innovation หรือนวัตกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่นวัตกรรมที่สร้างความเสี่ยงจนเกินไปดังนั้นหน้าที่ของธปท. คือต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการเงินดิจิทัลให้เกิดขึ้นให้ได้”
โดยสิ่งที่ ธปท. ต้องทำต่อคือ การต่อยอดระบบการชำระเงินหรือพร้อมเพย์ที่ปัจจุบันมีกว่า 70 ล้านบัญชี ไปสู่ Cross Border ซึ่งปัจจุบันมีกับหลายประเทศและเป็นประเทศแรกในโลกที่เชื่อมระบบ Fast Payment ข้ามประเทศกับสิงคโปร์ รวมถึงจะมีการพัฒนาระบบการชำระเงินไปสู่ภาคธุรกิจ หรือ PromptBiz ที่จะช่วยให้ภาคธุรกิจทำธุรกรรมด้านการเงินได้อย่างครบวงจร ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อให้ภาคธุรกิจได้
ในส่วนของ Central Bank Digital Currency (CBDC) ธปท. ได้ทำในสองฝั่งคือ สำหรับการทำธุรกรรมระหว่างสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) เพื่อให้การโอนเงินระหว่างประเทศมีต้นทุน ระยะเวลา และความเสี่ยงลดลง และสำหรับการทำธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (Retail CBDC) ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาเพื่อให้เข้าใจความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งจะเอื้อในนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ธปท.ยังให้ความสำคัญในการเพิ่มผู้เล่นรายใหม่โดยใช้ Virtual Bank ซึ่งคาดว่าเกณฑ์จะออกได้ในเดือน ม.ค. 2566 โดยจะมีการเปิดรับฟังความเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
“ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่ ธปท. พยายามทำเพื่อให้ภูมิทัศน์ทางการเงินใหม่ของไทยรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งทุกเรื่องที่ทำต้องให้ความสำคัญคือเรื่องของสมดุล เนื่องจากจะทำอะไรแบบสุดโต่งหรือให้ความสำคัญแค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งไม่ได้ เพราะผลข้างเคียงเยอะต้องคำนึงถึงหลายมิติ ธปท.ในฐานะที่ดูแลภาพรวมการเงินไทยมีความจำเป็นต้องหาความสมดุลเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจ การเงิน มีความยืดหยุ่น ทนทาน ปรับตัวได้ มีการต่อยอดนวัตกรรม รองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งความเสี่ยงและโอกาสที่เกิดขึ้นในโลกใหม่ได้”
Source: การเงินธนาคารออนไลน์


Cr.Bank of Thailand Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านารเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"