World Bank ชี้ดิจิทัลวอลเล็ตดันหนี้สาธารณะแตะ 66% เตือนต้องตัดสินใจว่าจะใช้”พื้นที่ทางการคลัง”อย่างไร

ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 2.5% ในปี2566 เป็น 3.2% ในปี 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า และการบริโภคภาคเอกชนที่มั่นคง แต่เตือนความท้าทายที่มีอยู่ทั่วโลก

วันที่ 14 ธันวาคม 2566 ธนาคารโลก (World Bank)เปิดตัวรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย ประจำเดือนธันวาคม 2566 Thailand Economic Monitor December 2023) เรื่อง “เส้นทางสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย – บทบาทของการกำหนดราคาคาร์บอน (Thailand’s Pathway to Carbon Neutrality – The Role of Carbon Pricing)” รายงานฉบับนี้จะเป็นการทบทวนการพัฒนาเศรษฐกิจล่าสุดของประเทศไทยปี 2566 และคาดการณ์ของปี 2567 โดยมุ่งเน้นในประเด็นที่ว่า ประเทศไทยจะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถฟื้นตัวได้ท่ามกลางอุปสรรคอันท้าทายที่มีอยู่ทั่วโลก
ดร.เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทยจากธนาคารโลก นำเสนอ“แนวโน้มเศรษฐกิจไทย: แนวทางในการฟื้นตัว” ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสามโตน้อยกว่าที่คาด 1.5% จากการลดลงของสินค้าคงคลัง ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตร เนื่องจากการส่งออกและการนำเข้าหดตัวลง แต่ยังมีตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ การบริโภค
เศรษฐกิจที่อ่อนแอในไตรมาสที่สามซึ่งเป็นผลมาจากการสะสมทุนที่ลดลงอย่างมากและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้เนื่องจากการส่งออกสินค้าหดตัว ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 จะชะลอตัวลงเล็กน้อยจาก 2.6% ในปี 2565 เป็น 2.5% ในปี 2566
ในปี 2567 และพ.ศ. 2568 การเติบโตคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากประมาณ 2.5% ในปี 2566 เป็น 3.2% และ 3.1% ตามลำดับ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่มั่นคงคาดว่าจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเติบโต การส่งออกสินค้าในปี 2567 คาดว่าจะฟื้นตัว โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของเศรษฐกิจโลกที่คาดการณ์ไว้ และภาวะการเงินโลกที่คาดว่าจะผ่อนคลายลง แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวก็ตาม
การกลับมาของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะจากประเทศจีน ส่งผลต่อแนวโน้มการท่องเที่ยว แม้ว่าการพื้นตัวจะช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรกก็ตาม ในปี 2567 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นเป็น 35.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 90% ของระดับก่อนการแพร่ระบาดในปี 2562 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 28.3 ล้านคนในปี
2566
ดร.เกียรติพงศ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยค่อนข้างช้า และมีช่องว่างระหว่างเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจเพื่อนบ้าน 7-8% ของ GDP
การที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าและห่างจากประเทศในภูมิภาคจะระบุสาเหตุว่ามาจากเศรษฐกิจโลกอย่างเดียว ก็ไม่ได้ เพราะยังมีเศรษฐกิจประเทศอื่นในภูมิภาคโตเร็ว บางประเทศได้รับผลบวกจากสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคาปรับสูงขึ้น เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ขณะที่เวียดนามได้รับผลบวกจาก Global value chain ห่วงโซ่อุปทานโลก ส่วนฟิลิปปินส์ก็เป็นเรื่องอุปสงค์ภายในประเทศ
แต่ไทย มีความเปราะบางเชิงโครงสร้าง คือ พึ่งพาการท่องเที่ยวค่อนข้างสูงถึง 13% ของ GDP และพึ่งพาพลังงานนำเข้าสูงสุดในอาเซียน ประมาณ 7% ของ GDP คือ น้ำมันเชื้อเพลิง (Fossil Fuel)และก๊าซ ส่งผลกระทบต่อเศรษบกิจไทยในปีนี้และปีที่ผ่านมา
สำหรับเศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง การส่งออกอ่อนตัวลง ปริมาณการส่งออกลดลงจากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน ส่งผลให้การค้าขายโดยรวมจากอาเซียนไปสู่สหรัฐลดลง โดยเฉพาะช่วงหลังของ Inflation Reduction Act ซึ่งส่งผลกระทบต่อไทย ให้ภาคอุตสาหกรรมติดลบ และยังต่ำกว่าระดับก่อนโควิด อีกทั้งยังทิศทางที่ต่างจากภาคบริโภคและภาคบริการ
ทางด้านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ(Foreign Direct Investment -FDI) ซึ่งเป็นเป้าหมายของรัฐบาลในการดึง FDI ในภาคที่มีนวัตกรรม โดย FDI ที่ไหลเข้าไทยในหลายปีที่ผ่านมา ในปี 2020 มีจำนวนลดลง แต่ก็ดีขึ้นในช่วงหลัง ในแง่ยอดสะสม(stock) FDI ไทยสูงที่สุดในอาเซียน แต่ในแง่ยอดหมุนเวียน(Flow) ที่ไหลเข้ามาถือว่าค่อนข้างน้อย
ดร. เกียรติพงศ์ กล่าวถึงดุลบัญชีเดินสะพัดว่า กลับมาเป็นบวกแต่ยังมีความเปราะบาง เพราะการส่งออกการนำเข้าหดตัว แต่มองไปข้างหน้าหากการท่องเที่ยวฟื้นตัวก็จะส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวก อย่างไรก็ตามมองว่าการท่องเที่ยวจากจีนจะยังไม่กลับไปสู่ระดับเดิมในปี 2024-2025 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง
ด้านเงินเฟ้อในช่วงกลางปีไทยมีเงินเฟ้อสูงที่สุดในอาเซียน 8% แต่ปัจจุบันกลับมาติดลบในช่วง 2 เดือน สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะไทยมีการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศประมาณ 7% ของ GDP แต่ในช่วงที่ผ่านมาไทยมีมาตรการตรึงราคาเพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเต็มที่ ส่งผลให้เงินเฟ้อลดลงจากมาตรการลดค่าไฟฟ้า และติดลบ แต่มองไปข้างหน้าที่ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว เงินเฟ้อจะกลับไปอยู่ในเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะชะลอตัวลงสู่ 1.1% ในปี 2567 เนื่องจากราคาพลังงานที่ลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาอาหารจะเพิ่มขึ้น แต่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นและราคาน้ำมันที่สูงอาจทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งเนื่องจากประเทศไทยมีการพึ่งพาการนำเข้าพลังงานสูงกลายเป็นความเสี่ยงด้านลบต่อแนวโน้มทางเศรษฐกิจ
สำหรับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยสูงทั่วโลก ไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เมื่อพิจารณาจากตลาดพันธบัตร อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำสุดของอาเซียน เงินเฟ้ออยู่ในกรอบและนโยบายของไทยมีความยั่งยืนพอสมควร
ดร. เกียรติพงศ์ กล่าวถึงความท้าทายของเศรษฐกิจว่า จากการที่รัฐบาลมีมาตรการตรึงราคาก็มีประเด็นว่านโยบายการคลังมีความยั่งยืนหรือไม่ โดยเมื่อพิจารณาจากการขาดดุลทางการคลัง ก็ยังขาดดุลแต่ค่อยๆลดลง แต่เมื่อเทียบกับการคาดการณ์พื้นฐาน(baseline)แล้ว การเข้าสู่ความสมดุลทางการคลังช้าลง เพราะมีมาตรการตรึงราคาเพิ่มขึ้น ต้นทุนการคลังของเงินอุดหนุนน้ำมัน คิดเป็น 0.05-02% ของ GDP ซึ่งไม่ได้น้อย แต่ไม่มาก และไม่สูงเท่ากับอาเซียน เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย การแก้ไขในระยะยาวคือการลดการพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิล
ดร. เกียรติพงศ์ กล่าวว่า “ไทยยังมีความยั่งยืนทางการคลัง แต่ต้องมีทางเลือกต้องตัดสินใจว่าจะใช้พื้นที่ทางการคลังอย่างไร” เพื่อลงทุน เพื่่อดูแลสังคมผู้สูงอายุ
ธนาคารโลกได้ประมาณการหนี้สาธารณะ โดยในกรณีที่มีการใช้จ่ายเพื่อดูแลสังคมอย่างเต็มที่ และลงทุนในภาคการศึกษาก็จะส่งผลให้หนี้สาธารณะไม่ยั่งยืน สูงถึงกว่า 100% ของ GDP แต่หากปรับนโยบายให้เจาะจง โดยเฉพาะกลุ่มที่จำเป็น หนี้สาธารณะก็จะลดลงจากระดับ 100% แต่หากไม่ทำอะไรเลยหนี้สาธารณะก็มีเสถียรภาพ เศรษฐกิจก็ไม่โตอยู่ที่ระดับประมาณ 3%
“ในกรณีที่น่าสนใจมาก คือ กรณีที่ดูแลภาคสังคม ลงทุนในมนุษย์ ดูแลสิ่งแวดล้อม และเพิ่มรายได้ จากการเก็บภาษีมากขึ้น ก็จะสามารถเพิ่มพื้นที่ทางการคลังและจะลดหนี้สาธารณะให้อยู่ที่ีะดับประมาณ 40% ของ GDP”
สำหรับโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่มีการวางแผนไว้ซึ่งมูลค่าโครงการคิดเป็นประมาณ 2.7% ของ GDP นั้น ดร. เกียรติพงศ์ กล่าวว่า ไม่ได้นำมาคำนึงในการประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจในกรณีฐาน
“โดยการคาดการณ์เศรษฐกิจของธนาคารโลกสำหรับปีนี้อยู่ที่ 2.5% ปีหน้า 3.2% และ 3% ในปีถัดไป ไมไ่ด้รวม ดิจิทัลวอลเล็ต หากรวมดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะเพิ่มการเติบโต GDPได้ 1% แต่กระจายในช่วงเวลา 2 ปีระหว่างปี 2567 และ 2568”
ตัวเลขนี้ได้จากกรณีตัวอย่างจากประเทศอื่นๆ ซึ่งมองว่าประเทศที่มีผลกระทบเข้าสู่ GDP จะมีลักษณะโครงการที่เจาะจงและมีความครอบคลุมมาก ดังจะเห็นว่ามีผู้ที่มีสิทธิประมาณ 50 ล้านคน แต่จะส่งผลให้การขาดดุลทางการคลังอาจเพิ่มขึ้นเป็น 4% ถึง 5% ของ GDP ในขณะที่หนี้สาธารณะอาจเพิ่มสูงขึ้นถึง 65% ถึง 66% ของ GDP จาก 62% GDP
ดร. เกียรติพงศ์ กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยยังมี output gap การเติบโตที่ต่ำกว่าศักยภาพหรือ output gap เมื่อเทียบกับก่อนโควิด และยังไม่กลับไปที่ศักยภาพอย่างเต็มที่ จึงมีคำถามว่าจะปิด gap ได้อย่างไร ซึ่งหากจะทำก็ต้องมีการลงทุน และการปฏิรูปประเทศ ต้องมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีการแข่งขันมากขึ้น ต้องมีการลงทุนในทุนมนุษย์มากขึ้น รวมทั้งต้องส่งเสริมให้มี FDI ในภาคส่วนที่มีนวัตกรรม และจากการที่หลายภาคส่วนพึ่งพาการบริการ หากมีการเปิดเสรีบริการมากขึ้น ก็จะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
และสุดท้ายฐานะการคลัง “ไทยยังมีจุดเด่นตรงที่ยังมีพื้นที่ทางการคลัง แต่พื้นที่ค่อยๆน้อยลง เพราะฉะนั้นต้องตัดสินใจให้ดีว่าความสำคัญอยู่ตรงไหน และสามารถเพิ่มพื้นที่ทางการคลัง โดยการขยายภาษีได้ก็จะลงทุนในสิ่งแวดล้อมได้”
Source: ThaiPublica

คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students

-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4you

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"