สองคําถามเศรษฐกิจไทย 27 ปีหลังวิกฤติปี 40

อาทิตย์ที่แล้ว สํานักข่าว Trader KP ขอสัมภาษณ์ผมในโอกาสครบรอบ 27 ปี การลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ปี 2540
ขอความเห็นทั้งเรื่องเศรษฐกิจไทยช่วงปี 40 เทียบกับเศรษฐกิจประเทศขณะนี้ที่บางคนมองว่ากําลังจะเป็นสถานการณ์วิกฤติ


และสาเหตุของปัญหาเศรษฐกิจขณะนี้รวมถึงแนวทางแก้ไข เป็นสองคําถามที่อยากได้คําตอบ ซึ่งผมได้ให้ความเห็นไป วันนี้จึงอยากแชร์ความเห็นผมในเรื่องนี้ให้แฟนคอลัมน์ “เศรษฐศาสตร์บัณฑิต" ทราบ
คําถามแรก ความเสี่ยงที่ไทยจะเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนช่วงต้มยำกุ้งมีหรือไม่
สถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ต่างกับช่วงวิกฤติปี 40 มาก เศรษฐกิจไทยปี 40 เป็นเศรษฐกิจที่ใช้จ่ายเกินตัวและขยายตัวสูงมาก คือเฉลี่ยร้อยละ 7 ต่อปี ขับเคลื่อนโดยการก่อหนี้ต่างประเทศของภาคเอกชน
แต่พร้อมกับการขยายตัวที่สูงเศรษฐกิจก็มีความเปราะบางในแง่เสถียรภาพ คือ อัตราเงินเฟ้อสูงที่ร้อยละ 7 ต่อปีและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลร้อยละ 7 ของจีดีพีเช่นกัน อัตราเงินเฟ้อที่สูงเริ่มกระทบความสามารถในการแข่งขันของภาคส่งออก
และเมื่อการส่งออกชะลอ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับความสามารถในการชำระหนี้ของประเทศก็เริ่มหวั่นไหว เกิดเงินทุนไหลออก ซึ่งกดดันเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน
ซึ่งขณะนั้นเป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ แรงกดดันต่อความเชื่อมั่น เงินทุนไหลออก และอัตราแลกเปลี่ยนมีต่อเนื่องจนในที่สุดนำไปสู่การเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน เป็นระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม
หลังการลอยตัว ค่าเงินบาทก็อ่อนลงซึ่งเป็นการปรับตัวของอัตราแลกเปลี่ยนสู่ดุลยภาพใหม่ ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวดีขึ้น ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลช่วงไตรมาสสี่ปีเดียวกัน คือเสถียรภาพด้านต่างประเทศกลับมาเร็วมาก
แต่เงินบาทที่อ่อนค่าทำให้บริษัทธุรกิจที่มีหนี้ต่างประเทศ แต่ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ขาดทุน ไม่สามารถชำระหนี้ได้ เป็นหนี้เสียที่กระทบฐานะของสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ และเมื่อสถาบันการเงินมีปัญหา ก็กระทบสภาพคล่อง การปล่อยสินเชื่อ และการขยายตัวของเศรษฐกิจ นำไปสู่วิกฤติเศรษฐกิจในที่สุด
นี่คือเหตุผลว่าทำไมวิกฤติเศรษฐกิจปี 40 จึงใช้เวลา เพราะปัญหาหนี้ที่การแก้ไขต้องแก้ทั้งลูกหนี้คือภาคธุรกิจและเจ้าหนี้คือสถาบันการเงินด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และการปฏิรูประบบการเงินเพื่อวางพื้นฐานให้เศรษฐกิจกลับมาขยายตัว
สองคําถามเศรษฐกิจไทย 27 ปีหลังวิกฤติปี 40
วิกฤติปี 40 จึงเป็นวิกฤติแบบฟองสบู่ ที่มาจากการก่อหนี้ของภาคธุรกิจ ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวสูง ซึ่งตรงข้ามกับสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งเป็นเศรษฐกิจขยายตัวตํ่า เพราะเศรษฐกิจไม่มีกลไกหรือเครื่องยนต์ที่จะขับเคลื่อนการเติบโต
คือหลังปี 40 เราไม่มีการลงทุนของภาคเอกชนและภาครัฐอย่างเป็นกอบเป็นกํา ที่จะสร้างนวัตกรรม ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิต สร้างสินค้าที่จะเป็นฐานรายได้ใหม่ให้กับประเทศ ภาคส่งออกจึงแข่งขันไม่ได้
ผลคือการเติบโตของเศรษฐกิจต้องพึ่งการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของภาครัฐมาก และเมื่อรายได้ไม่โตแต่ประชาชนต้องการใช้จ่าย หนี้ครัวเรือนก็สูงขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 91.6 ของจีดีพี
ขณะเดียวกันหนี้ภาครัฐก็สูงขึ้น ล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ 63.4 ของจีดีพี เพราะรัฐมีรายได้จากภาษีลดลง แต่มีภาระที่ต้องดูแลประชาชนจำนวนมากขึ้นที่มีรายได้น้อยหรือไม่มีรายได้ จากที่เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราที่ตํ่า
ดังนั้น ความเสี่ยงของเศรษฐกิจเราขณะนี้คือ เศรษฐกิจจะขยายตัวตํ่าไปเรื่อยๆ เหมือนญี่ปุ่นหลังฟองสบู่แตก ซึ่งจะกระทบความเป็นอยู่ของประชาชน และอาจนําไปสู่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด
สองคําถามเศรษฐกิจไทย 27 ปีหลังวิกฤติปี 40
คือเมื่อรายได้ขยายตัวต่ำนาน อำนาจซื้อของประชาชนก็ลดลง ทำให้ประชาชนไม่ใช้จ่าย กดดันให้ราคาสินค้าลดลง และเมื่อประชาชนไม่ใช้จ่าย บริษัทก็ปรับตัวโดยตัดรายจ่าย ลดค่าจ้าง ลดการจ้างงาน ลดการลงทุน หรือไปลงทุนต่างประเทศแทน
ผลคือเศรษฐกิจยิ่งขยายตัวตํ่าและราคาสินทรัพย์ในประเทศ เช่น บ้าน ที่ดิน หุ้น ก็จะลดลงตาม นี่คือความเสี่ยงที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะถ้าเกิดขึ้น นโยบายการเงินการคลังแบบลดดอกเบี้ยหรือรัฐบาลใช้จ่ายมากขึ้นก็จะแก้ไม่ได้
คําถามที่สอง อะไรคือสาเหตุทําให้เศรษฐกิจโตตํ่าและแนวทางแก้ไขควรเป็นอย่างไร
เศรษฐกิจไทยที่โตตํ่าไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยลดตํ่ามาตลอดหลังปี 40 คือจากเฉลี่ยร้อยละ 7 ลงมาเหลือเฉลี่ยร้อยละ 5 และมาที่ร้อยละ 2-3 ในปัจจุบัน ซึ่งสาเหตุที่พาเรามาถึงจุดนี้ก็มาจากสองเรื่องหลัก
หนึ่ง การไม่ปฏิรูปเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคการผลิตหรือภาคเศรษฐกิจจริง ทําให้การลงทุนไม่เกิดขึ้น คือวิกฤติ 40 เป็นวิกฤติเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย เกิดวิกฤติในหลายประเทศพร้อมกัน เช่นไทย เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย
แต่วิกฤติก็เป็นโอกาสให้ประเทศเริ่มต้นใหม่ ด้วยการปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อสร้างพื้นฐานให้เศรษฐกิจโตได้อย่างเข้มแข็งมากขึ้น
ซึ่งเกาหลีใต้ทํา คือปฏิรูปทั้งในภาคการเงินและภาคเศรษฐกิจจริงหลังปี 40 ทําให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้พุ่งทะยานกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ของโลกขณะนี้
ส่วนไทยและอินโดนีเซียหลังวิกฤติปี 40 ปฏิรูปเฉพาะภาคการเงิน แต่ช่วงสิบปีที่ผ่านมา ภายใต้การนําของประธานาธิบดี โจโก วีโดโด อินโดนีเซียก็เริ่มปฏิรูปภาคการผลิต ทําให้เงินทุนต่างประเทศไหลเข้ามาก เศรษฐกิจอินโดนีเซียขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5 แต่ของเราไม่ได้ปฏิรูปอะไรช่วงสิบปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจึงไม่มีการลงทุนและโตตํ่ามาตลอด
สอง การเมืองในประเทศ ที่ความขัดแย้งมีมาต่อเนื่องเกือบจะยี่สิบปีซึ่งนานมาก สร้างความไม่แน่นอนให้กับเศรษฐกิจ กระทบความเชื่อมั่นและการตัดสินใจของนักลงทุน ทําให้การลงทุนในประเทศลดลงมาก
ที่สำคัญความขัดแย้งทางการเมืองกระทบคุณภาพการทํานโยบายของผู้ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนของความขัดแย้งเข้ามาเป็นรัฐบาลหรือมีอำนาจ ก็จะมุ่งเรื่องระยะสั้น รวมทั้งเพื่อหาเสียงหรือเอาใจเครือข่ายทางการเมืองเพื่อความอยู่รอดมากกว่าที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศหรือพัฒนาเศรษฐกิจให้ก้าวหน้าอย่างที่เกาหลีใต้หรืออินโดนีเซียทํา
ผลคือประเทศเสียโอกาส ไม่สามารถพัฒนาหรือผลักดันเศรษฐกิจให้ก้าวหน้าได้อย่างที่หลายประเทศทํา
สําหรับแนวทางแก้ไข คําตอบคือต้องปฏิรูปเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคเศรษฐกิจจริงเพื่อให้เศรษฐกิจมีสมรรถนะที่จะขยายตัวในอัตราที่สูงขึ้น ทั้ง ภาคเกษตร การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ดิจิทัล ภาคการศึกษา ทักษะแรงงาน ระบบราชการ การบังคับใช้กฎหมาย และปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ
สิ่งเหล่านี้จำเป็นเพื่อปลดปล่อยพลังทางเศรษฐกิจที่ประเทศมีให้ออกมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต และหลุดออกจากวงจรการขยายตัวตํ่า และถ้าไม่ทํา เศรษฐกิจก็จะซึมยาวและมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่เศรษฐกิจเงินฝืดที่อาจไม่มีการเติบโตในที่สุด
คอลัมน์ เศรษฐศาสตร์บัณฑิต
ดร.บัณฑิต นิจถาวร


คลิก

Cr.Bank’s Scholarship Students
-------------------------------------------------------------------------------------
เพิ่มเพื่อนรับข่าวสารตลาดหุ้น Forex และบทความดีๆ ด้านการเงิน การลงทุน ฟรี !!
http://line.me/ti/p/%40zhq5011b 
Line ID:@fxhanuman
Web : https://www.fxhanuman.com
Web : https://www.eluforex.com/
FB:https://www.facebook.com/review.forex.broker/
เยี่ยมชม partner ของเราที่ Eluforex รีวิวโบรกเกอร์ Forex
#forex #ลงทุน #peppers #xm #fbs #exness #icmarkets #avatrade #fxtm #tickmill #fxpro #fxopen #fxcl #forex4yo

170225DGS 5208 FX Hanuman Media Buying Banners 843150 TH    

Broker Name Regulation Max Leverage Lowest Spreads Minimum Deposit Minimal Lot Contact
221124 trive logo 100x33px

Trive

FCA, ASIC, FSC 2000:1

0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard

$20 0.01 lot

View Profile

Visits website

121224 ebc forex logo 100x33EBC

FCA ,ASIC, CYAMAN 1000 : 1 1.1 pips - STD
0 pips - Pro
$50 0.01 lots View Profile
Visit Website
020125 eightcap 100x33eightcap  ASIC, FCA, SCB, CySec  500 : 1
1.0 Pips -STD
0.0 Pips - Raw
1.0 Pips - TradingView
$20   0.01 lots

View Profile

Visits website

 

180225 logo fpmarkets 100x33

Fpmarkets

ASIC, CySec  500 : 1

ECN 0.0 Pips
Standard 1.0 Pips

$100 0.01 lots

View Profile

Visits website

http://forex4you.com

Forex4you

FSC of BVI 1000 : 1

0.1 pips - Cent
0.1 pips - Classic
0.1 pips - STP

$1 

0.0001 lot Cent
0.01 lot Classic
0.01 lot STP

Visit website
View Profile

Doo Prime

SEC, FINRA, FCA, ASIC, FSA, FSC 500 : 1 0.1 pips $100 0.01 lots View Profile
Visit Website

 Exness 

CySEC, FCA Unli : 1  Stand
Unli : 1 Raw   
Unli : Zero
0.3 pips – Stand
0 pips – Raw
0 pips – Zero
$1 0.01 lot  Stand
0.01 lot  Raw
0.01 lot  Zero
View Profile
Visit Website

HFMarkets

SV, CySEC, DFSA, FCA, FSCA, FSA, CMA 2000 : 1  0.0 pips $5 0.01 lot View Profile
Visit Website

GMIEDGE

 FCA, VFSC 2000:1 0.1 Pips  $2.5  0.01 lot View Profile
Visit Website

150702 icmarkets logo

IC Markets

ASIC, FSA, CYSEC 1000:1 0.0 pips -ECN
0.5 pips - Standard
$10 0.01 lot

View Profile

Visit website

BDSwiss

FSC, FSA 1000 : 1 1.5 pips - Classic
1.1 pips - VIP
0.0 pips - RAW
$10 0.01 lots View Profile
Visit Website

Pepperstone

ASIC,SCB,CYSEC,DFSA,

FCA, BaFIN, CMA,

200 : 1 1 pips - Stand
0.1 pips - Razor
1 pips - No Swap
0 Pips - Active Trade
0 0.01 lot View Profile
Visit Website

TICKMILL

FCA 500:1 1.6 pips $25 0.01 lot View Profile
Visit website
290318 atfx logoATFX FCA, CySEC 200 : 1 1.8 pips $100 0.01 lot View Profile
Visit Website
170803 roboforex logoRoboForex CySEC, IFSC 2000:1 0.4 pips $10 0.01 lot View Profile
Visit Websit

www.fxclearing.com
FXCL Markets

IFSC 500 : 1

1 pips - Micro
1 pips - Mini
0.6 pips - ECN Li
0.8 pips - ECN Inta
1 pips - ECN Sca

$1 0.01 lot View Profile
Visit website

 

AxiTrader

FCA, ASIC, FSP, DFSA 400 : 1  0.0 pips $1 0.01 lot all View Profile
Visit website

http://www.fxprimus.com

FXPRIMUS

CySEC 500 : 1 2 pips - Mini
0.8 pips - Stand
0 pips - ECN
$100 0.01 lot all View Profile
Visit Website

FXTM

CySec ,FCA,IFSC 1000 : 1

0.0 pips - ECN

0.1 pips -Stan

$1 0.01 lot View Profile
Visit Website

AETOS.COM

AETOS

FCA, ASIC, VFSC, CIMA up to 800

Genneral 1.8 pip
Advance 1.2 pip
Pro 0.0 pip

$50
$50
$20,000

0.01 lot View Profile
Visit website

EIGHTCAP

ASIC 500 : 1 0.0 pips  $100 0.01 lot

View Profile

Visit website

 

Fullerton

SFP, NZBN 200 : 1 0.5 pips - Live $200 0.01 lot View Profile
Visit Website

FxPro

CySEC, FCA
FSB, MiFID
500 : 1
Max
0.6 pips  $100 0.01 lot View Profile
Visit Website

INFINOX

 FCA, SCB 400 : 1 0.0 pips $10 0.01 lot  View Profila
Visit Website

VT markets

CIMA, ASIC 500 : 1 0.0 pips $200 0.01 lot  View Profila
Visit Website

TMGM

ASIC 500 : 1 0.0 pips $100 0.01 lot  View Profila
Visit Website

020422 zfx logo

ZFX

FCA, FSA 2000 : 1 0.0 pips

$15

0.01 lot  View Profila
Visit Website

 

ดูตารางเปรียบเทียบโบรกเกอร์ทั้งหมด คลิก

 

 

 

 

 

"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"