ตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์หน้า (6-10 ม.ค. 68) จะอยู่ภายใต้แรงกดดันจากหลายปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยคาดการณ์แนวรับที่ 1,375 และ 1,360 จุด และแนวต้านที่ 1,400 และ 1,410 จุด โดยปัจจัยสำคัญได้แก่:
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีและสินค้าฟุ่มเฟือย หลังจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและการเงินของรัฐบาลใหม่และธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,732.13 จุด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (3 ม.ค.) และปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ขณะที่ตลาดเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจและการค้าภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของโดนัลด์ ทรัมป์
กองทุน Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้าสู่จุดสำคัญหลังจากการเติบโตที่ทำลายสถิติตลอดปี 2024 โดยที่ราคา BTC ทะลุระดับ 100,000 ดอลลาร์ โดยข้อมูลจาก Dune แสดงให้เห็นว่า ETF อยู่ห่างจากการถือครองสะสมมูลค่า 110,000 ล้านดอลลาร์เพียง 2.2% หรือ 2.2 พันล้านดอลลาร์
USDT ของ Tether ซึ่งเป็น stablecoin ชั้นนำของโลกที่ตรึงกับดอลลาร์ มูลค่าตลาดรายสัปดาห์ลดลงอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่การล่มสลายของ FTX ในเดือนพฤศจิกายน 2022
นับตั้งแต่ที่กฎระเบียบ Markets in Crypto-Assets ( MiCA ) ของสหภาพยุโรปมีผลบังคับใช้
"การแจ้งเตือนเรื่องความเสี่ยง: การเทรด Forex หรือ CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นผันผวนสูงและมีความเสี่ยงสูง คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบถึงวัตถุประสงค์การซื้อขาย ระดับประสบการณ์ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น มีความเป็นไปได้ที่ความสูญเสียจะสูงเกินกว่าเงินลงทุนของคุณ คุณควรลงทุนในระดับที่สามารถรับความสูญเสียได้ โปรดตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและใช้ความระมัดระวังในการจัดการความเสี่ยงของคุณ"